ผีพนัน หรือ โรคติดการพนัน คือพฤติกรรมผิดปกติชนิดหนึ่ง ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า “พาโธโลจิคอล แกมบลิ้ง” (Pathological Gambling) คือการที่เราใจจดใจจ่ออยู่กับการพนันตลอดเวลา ไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเลย ทั้งที่รู้ว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดีแต่ก็หักห้ามใจตัวเองไม่ให้เลิกเล่นไม่ได้ ซึ่งถ้าใครหลงเข้าไปติดการพนันแล้วนั้น ก็จะส่งผลเสียต่อชีวิตทั้งการเงิน การเรียน สุขภาพ รวมถึงสังคม ทำให้คนรอบข้างมองว่าเป็นผีพนัน
สาเหตุการติดการพนัน
พันธุกรรม จากการศึกษา พบว่าผู้ที่ติดการพนันนั้นมักมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมร่วมด้วย
สังคม ผู้ที่ติดการพนันมักจะอยู่ในสังคมสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้เล่นการพนัน
สิ่งยั่วยุ เช่น ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ นิตยสารจำพวกฟุตบอล
สารเคมีในสมองผิดปกติ เกิดการหลั่งสารโดปามีนในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น มีความสุข สนุกสนาน ขณะเดียวกันก็ไปลดสารซีโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยยับยั้งชั่งใจ ถือเป็นปัจจัยสำคัญเลยที่ทำให้คนติดการพนัน
รู้ได้อย่างไรว่าเสพติดการพนัน
ขั้นแรกเลยคือการสังเกตพฤติกรรมของคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวว่ามีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า เช่น การเรียน การงานเสียไหม ชอบจ้องมองแต่มือถือตลอดเวลาหรือเปล่า แยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนไหม หรือหมกมุ่นอยู่กับอะไรเป็นพิเศษ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็ควรที่จะสอบถามและช่วยตักเตือนในการเสพสื่อต่างๆ อย่างเหมาะสม เพราะปัจจุบันมีสื่อสิ่งยั่วยุเยอะแยะมากมายทำให้เราไม่ทันตั้งตัวและหลงเข้าไปในสิ่งพวกนี้
เสพติดการพนันถึงขั้นไหนถึงต้องรีบรักษา
คนที่เป็นโรคติดการพนัน สามารถรักษาตัวเองได้หากอาการไม่รุนแรง แต่ถ้าหากติดการพนันถึงขั้นรุนแรงก็อาจจะต้องมีการประเมินอาการร่วมด้วย ว่ามีอาการทางจิตผิดปกติหรือเปล่า เช่น โรคซึมเศร้า เคยคิดฆ่าตัวตาย หรือเป็นโรคทางจิตเวชบางชนิด คนที่ติดการพนันถ้าหากเล่นทุกวันจนถึงขั้นหมกมุ่น แสดงว่าชีวิตเขาไม่มีอะไรอื่นเลยในหัวให้ทำ อาการจะคล้ายพวกที่ติดยา ต้องได้รับการรักษาพฤติกรรมพร้อมทั้งกินยาร่วมด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง แต่ปัญหาเลยก็คือ การรักษาจะซับซ้อนกว่ายาเสพติด
สรุป
พนัน หรือ โรคการติดพนัน คือพฤติกรรมผิดปกติอย่างหนึ่ง โดยที่เราจะใจจดใจจ่อแต่กับการพนันตลอดไม่เวลา ไม่สุงสิงกับใคร ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีแต่ก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ซึ่งสาเหตุก็มีอยู่หลายปัจจัย ทั้งพันธุกรรม สังคม สิ่งยั่วยุ รวมถึงสารเคมีที่หลั่งผิดปกติในสมอง ถ้าหากเรารู้ตัวหรือเห็นคนรอบข้างมีอาการผิดปกติก็ควรที่จะสอบถามตักเตือน หากอาการรุนแรงก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อรักษา ขณะเดียวกันก็ต้องคอยให้กำลังใจ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว